10 April 2013

ความสัมพันธ์ระหว่างไทย - เอริเทรีย

Public domain This work has been released into the public domain by its author,  nmd dot kim (not dot com, but dot kim). This applies worldwide.
In some countries this may not be legally possible; if so:  nmd dot kim (not dot com, but dot kim) grants anyone the right to use this work for any purpose, without any conditions, unless such conditions are required by law.
Kopimi k.svg This work is labeled as Kopimi, meaning that the copyright holder of this work specifically requests that this work be used and copied for any purpose, including unlimited commercial use and redistribution. It is believed in good faith that a work classified as Kopimi is free to use in any way, including modification and the creation of derivative works.

English | فارسی | français | മലയാളം | português | slovenščina | svenska | 中文(简体)‎ | +/−
.
.
 .
.
.
.
.

ธงชาติเอริเทรีย

Flag of Eritrea.svg




 ความสัมพันธ์ด้านการทูต

ประเทศเอริเทรีย (Eritrea) (ในบางสื่ออาจสะกดเป็น เอริเตรีย) ได้ประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากเอธิโอเปียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2536 ในปีเดียวกันประเทศไทยได้ร่วมให้การรับรองเอกราชของเอริเทรีย และร่วมสนับสนุนในการรับเอริเทรียเข้าเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ

ไทยและเอริเทรียสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2536 ปัจจุบันยังไม่มีสถานทูตไทยในเอริเทรีย และยังไม่มีสถานทูตเอริเทรียในไทย ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา มีเขตอาณาครอบคลุมเอริเทรีย และสถานเอกอัครราชทูตรัฐเอริเทรีย ณ กรุงนิวเดลี มีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทย

ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ

ปัจจุบันปริมาณการค้าระหว่างไทย-เอริเทรียมีมูลค่าน้อย การค้าระหว่างไทยกับเอริเทรีย ในปี 2555 มีมูลค่าการค้ารวม 12.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยเป็นฝ่ายส่งสินค้าขายเอริเทรียเกือบทั้งหมด คือ 12.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้เป็นการส่งออกน้ำตาลทรายเกือบทั้งหมด คือ 12.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (ธันวาคม 2554) เห็นว่า ทั้งไทยและเอริเทรียยังสามารถกระชับและขยายความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก ทั้งด้านการค้า การลงทุน การประมง และความร่วมมือเพื่อการพัฒนา

การเดินทางและการติดต่อสื่อสาร

ประเทศเอริเทรียมีลักษณะค่อนข้างปิดตัวเองจากโลกภายนอก ในการเดินทางเข้าเอริเทรียต้องขอวีซ่า ซึ่งมักจะล่าช้า หากเป็นวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยว มีผู้กล่าวว่าอาจต้องรอนานเกินหนึ่งสัปดาห์ และเมื่อครบกำหนดรอก็อาจไม่ผ่านการอนุมัติอีกด้วย หลังจากโดยสารเครื่องบินเข้ามายังเมืองแอสมารา (Asmara) เมืองหลวงของเอริเทรียแล้ว หากจะเดินทางออกนอกแอสมาราไปไกลกว่า 5 กิโลเมตร ก็ต้องขอรับใบอนุญาตอีก (พ.ศ. 2554)

ส่วนประชาชนชาวเอริเทรีย หากจะออกนอกประเทศ ก็ต้องขอวีซ่าขาออก (exit visa) ทุกครั้ง ก่อนที่จะขอวีซ่าขาเข้าประเทศปลายทาง

ตู้โทรศัพท์สาธารณะยังเป็นสิ่งที่จำเป็นในเอริเทรีย (พ.ศ. 2554) เนื่องจากซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือยังไม่เป็นที่แพร่หลาย

สำหรับอินเทอร์เน็ตนั้นมีไม่แพร่หลายเท่ากับในประเทศไทย อินเทอร์เน็ตยังช้าและมีราคาแพง หากต้องการใช้อินเทอร์เน็ตแบบจานดาวเทียมก็ต้องทำเรื่องขออนุญาตกับหลายหน่วยงานอีกด้วย คาดว่ามีการติดต่อกันระหว่างบุคคลไทยกับบุคคลในเอริเทรียทางอินเทอร์เน็ตน้อยมาก

ปัจจุบันมีคนไทยทำงานในเอริเทรียอยู่น้อยมาก จากบทความของชาวไทยที่เล่าถึงการเดินทางหรือการทำงานในเอริเทรีย คาดว่ามีคนไทยทำงานอยู่ในเอริเทรียไม่เกิน 10 คน


แหล่งที่มาของข้อมูลที่ใช้ในบทความ

บทความ "รัฐเอริเทรีย" จากเว็บไซต์ของกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 23 มีนาคม 2553 http://www.thaiafrica.net/th/about-africa/country/detail.php?ID=670

บทความ "ประเทศเอริเทรีย" จากเว็บไซต์ของ ICSC : International Cooperation Study Center http://www.apecthai.org/apec/th/profile1.php?continentid=6&country=er

ข่าวภารกิจสำคัญด้านการต่างประเทศ "ไทยพร้อมกระชับความร่วมมือกับเอริเทรีย" จากเว็บไซต์ของกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา กระทรวงการต่างประเทศ 08/12/2011 http://sameaf.mfa.go.th/th/news/detail.php?ID=2694&SECTION=CALENDAR

บทความ "เอริเทรีย (Eritrea) : สังคมนิยมจ๋าในแอฟริกายุค Facebook" เขียนโดยคุณ Thaisoloclub 19 ตุลาคม 2554 15:04:53 น. http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=hotfeet&month=05-2011&date=07&group=3&gblog=18

บทความ "Eritrea ประเทศใหม่ ที่กำลังจะหายไป" (ตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิพดอตคอม) เขียนโดยคุณ letsgokrabi - [ 3 ก.ค. 2550 22:23:58 ] http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/07/K5573513/K5573513.html

บทความ "Eritrea ภาคสอง" (ตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิพดอตคอม) เขียนโดยคุณ letsgokrabi - [ 12 ส.ค. 2550 23:46:02 ] http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/08/K5707676/K5707676.html

.
Public domain This work has been released into the public domain by its author,  nmd dot kim (not dot com, but dot kim). This applies worldwide.
In some countries this may not be legally possible; if so:  nmd dot kim (not dot com, but dot kim) grants anyone the right to use this work for any purpose, without any conditions, unless such conditions are required by law.
Kopimi k.svg This work is labeled as Kopimi, meaning that the copyright holder of this work specifically requests that this work be used and copied for any purpose, including unlimited commercial use and redistribution. It is believed in good faith that a work classified as Kopimi is free to use in any way, including modification and the creation of derivative works.

English | فارسی | français | മലയാളം | português | slovenščina | svenska | 中文(简体)‎ | +/−
.

ความสัมพันธ์ระหว่างไทย - เกาหลีเหนือ

Public domain This work has been released into the public domain by its author,  nmd dot kim (not dot com, but dot kim). This applies worldwide.
In some countries this may not be legally possible; if so:  nmd dot kim (not dot com, but dot kim) grants anyone the right to use this work for any purpose, without any conditions, unless such conditions are required by law.
Kopimi k.svg This work is labeled as Kopimi, meaning that the copyright holder of this work specifically requests that this work be used and copied for any purpose, including unlimited commercial use and redistribution. It is believed in good faith that a work classified as Kopimi is free to use in any way, including modification and the creation of derivative works.

English | فارسی | français | മലയാളം | português | slovenščina | svenska | 中文(简体)‎ | +/−
.
.
.
.
.
.
 
ธงชาติเกาหลีเหนือ

ธงชาติเกาหลีเหนือ

ความสัมพันธ์ทางการเมืองและทางการทูต

ความสัมพันธ์ไทย-เกาหลีเหนือ เริ่มมีขึ้นอย่างไม่เป็นทางการในปี พ.ศ. 2515 โดยเป็นการติดต่อค้าขาย และการกีฬา ต่อมาได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2518 นับตั้งแต่นั้นมา ทั้ง 2 ประเทศก็ได้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ

ปัจจุบันในรัฐสภาไทยมีกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-เกาหลีเหนือ เช่นเดียวกับ "กลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภา" ที่มีชื่อคู่ระหว่างไทยกับชาติอื่นๆ (เช่น กลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-มาเลเซีย เป็นต้น) ซึ่งแสดงถึงการมีความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกันกับระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลของประเทศอื่นๆ

เกาหลีเหนือมีสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ที่กรุงเทพมหานคร แต่ทางการไทยยังไม่ได้เปิดสถานทูตไทย ณ กรุงเปียงยางแต่อย่างใด และให้สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มีเขตอาณาครอบคลุมเกาหลีเหนือ (ทำหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ)

ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเกาหลีเหนือยังมีปัญหาอยู่บางประการ ที่เคยเป็นข่าวใหญ่ได้แก่ ปัญหาคนไทยที่ถูกสายลับของเกาหลีเหนือลักพาตัวไปยังเกาหลีเหนือ เช่นในกรณีของ อโนชา ปันจ้อย เป็นต้น

ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน

การลงทุนของธุรกิจไทยในเกาหลีเหนือมีอยู่ไม่มากนัก ส่วนธุรกิจของเกาหลีเหนือนั้นเกือบทั้งหมดเป็นของรัฐบาล และไม่ได้ลงทุนในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หรือมีสาขาในประเทศไทยแต่อย่างใด

ในปี 2539 บริษัท ล็อกซเลย์ จำกัด มหาชน (Loxley) เคยลงทุนกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเกาหลีเหนือ โดยร่วมลงทุนกับบริษัทของฟินแลนด์ ต่อมาถูกเกาหลีเหนือระงับสัมปทาน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2547 และไม่มีแนวโน้มที่จะได้สัมปทานใหม่ต่อ ล็อกซเลย์จึงเปลี่ยนไปดำเนินธุรกิจอื่นแทน เช่นธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้า ระหว่างไทยกับเกาหลีเหนือ เป็นต้น

ปัจจุบันมีคนไทยทำงานในเกาหลีเหนือ (อย่างเป็นทางการ) เพียงประมาณ 10 คน เป็นวิศวกรหรือช่างเทคนิค (แต่คาดว่ายังมีเหยื่อชาวไทยที่ถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัวไปอยู่ที่นั่น และยังไม่ได้กลับออกมา อีกจำนวนหนึ่ง)

การค้าระหว่างไทยกับเกาหลีเหนือ ในปี 2555 มีมูลค่าการค้ารวม ประมาณ 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับว่ามีน้อยเมื่อเทียบกับการค้าระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ในปีเดียวกัน ที่มีมูลค่าการค้ารวม 13,758 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การเดินทางและการติดต่อสื่อสาร

สายการบิน Air Koryo ของเกาหลีเหนือ เปิดบริการเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพ - เปียงยาง ตั้งแต่ พ.ศ. 2536 แต่มีผู้โดยสารน้อยมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทางการเกาหลีเหนือมักไม่อนุญาตให้ประชาชนของตนโดยทั่วไปเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร (ไม่อนุญาตให้เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือลี้ภัยไปยังประเทศอื่น) ปัจจุบันจึงมีเที่ยวบินไปกลับกรุงเทพ - เปียงยาง ไม่เกินเดือนละหนึ่งเที่ยวเท่านั้น

อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากนักการเมืองและนักการทูตแล้ว ยังมีนักวิชาการไทยบางคนที่ทำงานหรือศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเกาหลีเหนือ ก็ได้ติดต่อสื่อสารกับบุคคลในเกาหลีเหนือ หรือเดินทางไปยังเกาหลีเหนือ อยู่เป็นระยะๆ

อินเทอร์เน็ตในเกาหลีเหนือนั้นมีการเซ็นเซอร์เป็นอันมาก และไม่ได้มีให้บริการโดยทั่วไป (โดยทั่วไปจะเป็นระบบอินทราเน็ต เข้าถึงได้เฉพาะระบบเครือข่ายข้อมูลภายในประเทศเท่านั้น ไม่มีการเชื่อมต่อออกไปยังเว็บไซต์ต่างประเทศ) มีประชาชนเกาหลีเหนือเพียงส่วนน้อย ไม่กี่คนเท่านั้น ที่ได้มีโอกาสใช้อินเทอร์เน็ตของจริง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง ทั้งนี้ไม่รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และนักศึกษาชาวต่างชาติในเกาหลีเหนือ ซึ่งได้รับอนุญาตให้ใช้งานได้ แตกต่างจากประเทศไทย ที่มีระบบอินเทอร์เน็ตให้ได้ใช้กันโดยทั่วไป และมีเสรีภาพในการใช้อินเทอร์เน็ตสูงกว่ามาก คาดว่าไม่มีการติดต่อสื่อสารหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันทางอินเทอร์เน็ตเลย ระหว่างพลเรือนเกาหลีเหนือ (บุคคลธรรมดา ไม่ใช่บุคคลในตำแหน่งสูง) ที่ยังอยู่ในเกาหลีเหนือ กับบุคคลไทย


แหล่งที่มาของข้อมูลที่ใช้ในบทความ

ประเทศเกาหลีเหนือ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD

ข้อมูลกลุ่มมิตรภาพรัฐสภา คณะกรรมการบริหารกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-เกาหลีเหนือ http://www.thai-senate.com/senate_inter/info_center/friendship_group_id.php?id_group=64

"ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับเกาหลีเหนือ" บทความจากเว็บไซต์ จับตาเอเชียตะวันออก EAST ASIA WATCH http://www.eastasiawatch.in.th/relationship.php?id=3&section=economic

"รายงาน "พลเมืองเหนือ": โสมแดงลักพาคนไทย เชื่อ! ไม่ใช่แค่อโนชา" บทความจากเว็บไซต์ประชาไท Sun, 2006-01-22 07:17 http://prachatai.com/journal/2006/01/7071

"ก.พาณิชย์ จับตาปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี ชึ้ยังไม่น่าเป็นห่วง" ข่าวจากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ วันพุธที่ 03 เมษายน 2013 เวลา 08:10 น. เรียบเรียงโดย ชาญวิทย์ อินยันญะ http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=177256:2013-04-03-00-16-20&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524

บทความ "สัมพันธ์พิลึกไทย-เกาหลีเหนือ" ในคอลัมน์ โลกสาระจิปาถะ โดยกวี จงกิจถาวร จากเว็บไซต์คมชัดลึกออนไลน์ (หนังสือพิมพ์คมชัดลึก) วันที่ 9 เมษายน 2556
http://www.komchadluek.net/detail/20130409/155773/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD.html#.UWU8UdlW_ak

"เกาหลีเหนือ-จีน-พม่า ครองแชมป์เซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตมากที่สุดในโลก" บทความจากเว็บไซต์ Jakrapong.com http://jakrapong.com/2011/01/07/3-most-cencorship-country/

""เกาหลีเหนือ"อนุญาตชาวต่างชาติใช้อินเตอร์เน็ต" ข่าวจากหนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เวลา 14:30:00 น. http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1362034262&grpid=03&catid=03

.
Public domain This work has been released into the public domain by its author,  nmd dot kim (not dot com, but dot kim). This applies worldwide.
In some countries this may not be legally possible; if so:  nmd dot kim (not dot com, but dot kim) grants anyone the right to use this work for any purpose, without any conditions, unless such conditions are required by law.
Kopimi k.svg This work is labeled as Kopimi, meaning that the copyright holder of this work specifically requests that this work be used and copied for any purpose, including unlimited commercial use and redistribution. It is believed in good faith that a work classified as Kopimi is free to use in any way, including modification and the creation of derivative works.

English | فارسی | français | മലയാളം | português | slovenščina | svenska | 中文(简体)‎ | +/−
.

05 April 2013

แบบฝึกหัด บทที่ 5 การจัดการสารสนเทศ

Public domain This work has been released into the public domain by its author,  nmd dot kim (not dot com, but dot kim). This applies worldwide.
In some countries this may not be legally possible; if so:  nmd dot kim (not dot com, but dot kim) grants anyone the right to use this work for any purpose, without any conditions, unless such conditions are required by law.
Kopimi k.svg This work is labeled as Kopimi, meaning that the copyright holder of this work specifically requests that this work be used and copied for any purpose, including unlimited commercial use and redistribution. It is believed in good faith that a work classified as Kopimi is free to use in any way, including modification and the creation of derivative works.

English | فارسی | français | മലയാളം | português | slovenščina | svenska | 中文(简体)‎ | +/−
.
แบบฝึกหัด

บทที่ 5 การจัดการสารสนเทศ

รายวิชา การจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026008

กลุ่มเรียนที่ 1

ชื่อ-สกุล นายxxxx xxxxxx 540112xxxxx (2 xxx) ระบบ ปกติ

คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้


1. จงอธิบายความหมายของการจัดการสารสนเทศ


1.1 การจัดการสารสนเทศ หมายถึง การทำกิจกรรมหลักต่างๆ ในการจัดหา การจัดโครงสร้าง (Organization) การควบคุม ผลิต การเผยแพร่และการใช้สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานขององค์การทุกประเภทอย่างมีประสิทธิผล ซึ่งสารสนเทศในที่นี้หมายถึงสารสนเทศทุกประเภทที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะมีแหล่งกำเนิดจากภายในหรือภายนอกองค์กร

1.2 การจัดการสารสนเทศ หมายถึง กระบวนการดำเนินงาน เช่น ทำดรรชนี การจัดหมวดหมู่ การจัดแฟ้ม การทำรายการเพื่อการเข้าถึงเอกสารหรือสารสนเทศที่มีการบันทึกไว้ในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่จดหมายเหตุ (archive) เชิงประวัติ ถึงข้อมูลดิจิทัล

1.3 การจัดการสารสนเทศ หมายถึง การดำเนินการกับสารสนเทศในระดับองค์การ ได้แก่ การวางแผน การจัดสรรงบประมาณ การจัดโครงสร้างองค์การ การจัดเจ้าหน้าที่ การกำหนดทิศทาง การฝึกอบรม การควบคุมสารสนเทศ

1.4 กล่าวโดยสรุป การจัดการสารสนเทศ หมายถึง การผลิต จัดเก็บ ประมวลผล ค้นหา และเผยแพร่ สารสนเทศ โดยจัดให้มีระบบสารสนเทศ การกระจายสารสนเทศ ทั้งภายในและภายนอกองค์การ โดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆโดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการจัดการ รวมทั้งมีนโยบายหรือกลยุทธ์ระดับองค์การในการจัดการสารสนเทศ


2. การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลและต่อองค์การอย่างไร


ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศต่อบุคคล

การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลในด้านการดำรงชีวิตประจำวัน การศึกษา และการทำงานประกอบอาชีพต่างๆ

การจัดการสารสนเทศอย่างเป็นระบบ โดยการจัดทำฐานข้อมูลส่วนบุคคล รวบรวมทั้งข้อมูลการดำรงชีวิต การศึกษา และการทำงานประกอบอาชีพต่างๆ

ในการดำรงชีวิตประจำวัน บุคคลย่อมต้องการสารสนเทศหลายด้านเพื่อใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น มีความก้าวหน้า และมีความสุข อาทิ ต้องการสารสนเทศเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพ ต้องจัดการค่าใช้จ่ายในครอบครัว ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล การดูแลอาคารที่อยู่อาศัยต่างๆ ตลอดจนการเลี้ยงดูคนในครอบครัวให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถที่ทำคุณประโยชน์แก่สังคม จึงจำเป็นต้องคัดกรองสารสนเทศที่มีอยู่มากมายจากหลายแหล่งเพื่อจัดเก็บ จัดทำระบบ และเรียกใช้ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

ความสำคัญในด้านการศึกษา การจัดการสารสนเทศด้านระบบการศึกษา เอื้อ อำนวย  ให้บุคคล สามารถเลือกระบบการศึกษา การเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมกับบุคคลแต่ละคน สามารถเรียนรู้และศึกษาได้ตลอดเวลาตามความสนใจเฉพาะตน โดยไม่จำเป็นต้องสอบเข้าศึกษาตามสถาบันการศึกษาที่จัดระบบที่มีชั้นเรียนตลอดไป บุคคลสามารถเลือกศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการศึกษา ติดต่อกับสถาบันการศึกษาในระบบเปิดหรือเรียนทางระบบออนไลน์ และเลือกเรียนได้ทุกระดับการศึกษา ทุกวัย นับเป็นปรัชญาการศึกษาตลอดชีวิต

ความสำคัญในด้านการทำงาน บุคคลจำเป็นต้องใช้สารสนเทศทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์การ ภาระหน้าที่ ประกอบการทำงานทั้งระดับบริหารและระดับปฏิบัติการ การจัดเก็บสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบตามภารกิจส่วนตน ช่วยสนับสนุนให้สามารถทำงานให้ประสบความสำเร็จได้ทันการณ์ ทันเวลา

ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศต่อองค์การ

การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อองค์การในด้านการบริหารจัดการการดำเนินงาน และกฎหมาย ดังนี้

1) ความสำคัญด้านการบริหารจัดการ การบริหารจัดการในยุคโลกาภิวัตน์เป็นการบริหารภายใต้สภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันกันทางธุรกิจสูง

ผู้บริหารต้องอาศัยสารสนเทศที่เกี่ยวข้องทั้งกับสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกองค์การ เพื่อวิเคราะห์ปัญหา ทางเลือกในการแก้ปัญหา การตัดสินใจ การกำหนดทิศทางขององค์การ ให้สามารถแข่งขันกับองค์การคู่แข่งต่างๆ จึงจำเป็นต้องได้รับสารสนเทศ ที่เหมาะสม ถูกต้อง ครบถ้วน ทันการณ์ และทันสมัย เพื่อใช้ประกอบภารกิจตามหน้าที่ ตามระดับการบริหาร

การจัดการสารสนเทศจึงนับว่ามีความสำคัญความจำเป็นที่ต้องมีการออกแบบระบบการจัดการสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ การเลือกใช้เครื่องมือ เทคโนโลยี รวมทั้งกำหนดนโยบาย กระบวนการและกฎระเบียบ เพื่อจัดการสารสนเทศให้เหมาะกับสภาพการนำสารสนเทศไปใช้ในการบริหารงาน ในระดับต่างๆไม่ว่าจะเป็นระดับต้นหรือปฏิบัติการ ระดับกลาง และระดับสูง ให้สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

2) ความสำคัญด้านการดำเนินงาน สารสนเทศนับมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในหลายลักษณะ เป็นทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงาน และหลักฐานที่บันทึกการดำเนินงานในด้านต่างๆ ตามที่หน่วยงานดำเนินการ

การจัดการสารสนเทศช่วยให้การใช้สารสนเทศเพื่อรองรับการปฏิบัติงานตามกระแสงานหรือขั้นตอน จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงาน เอื้อให้เข้าถึงและใช้สารสนเทศได้อย่างสะดวก

การเป็นหลักฐานที่บันทึกการดำเนินงาน เช่น สัญญาการตกลงลงนามร่วมกิจการระหว่างองค์การ รายงานทางการเงินประจำปี เป็นต้น เป็นสารสนเทศที่หน่วยงานผลิตและใช้ประกอบการดำเนินงานตามภาระหน้าที่ ตามข้อกำหนด ระเบียบ และแนวปฏิบัติในองค์การ สารสนเทศเหล่านี้ต้องมีการรวบรวม ประมวล และจัดอย่างเป็นระบบเพื่อให้มีความเป็นปัจจุบัน ถูกต้อง ครบถ้วนและเหมาะสมกับงานนั้น และในการจัดการ สารสนเทศที่แม้สิ้นสุดกระบวนการปฏิบัติงานแล้ว โดยเฉพาะสารสนเทศที่มีคุณค่า ยังต้องมีการจัดเก็บเป็นจดหมายเหตุเพื่อการใช้ประโยชน์

3) ความสำคัญด้านกฎหมาย การจัดการสารสนเทศเพื่อการดำเนินงาน จำเป็นต้องสอดคล้องกับกฎหมายกฎระเบียบและข้อบังคับทั้งในระดับภายในและภายนอกองค์การ โดยเฉพาะสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการเงินและบัญชีที่ต้องรวบรวมจัดเก็บอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ รวมทั้งมีการตรวจสอบความถูกต้องทั้งจากหน่วยงานภายในองค์การ หรือจากหน่วยงานภายนอกตามกฎหมาย เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชีตามกฎหมายของหน่วยงานราชการ เช่น กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และหน่วยงานเอกชน เป็นต้น เพื่อเป็นการแสดงสถานะทางการเงินขององค์การอย่างถูกต้อง และเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ อย่างครบถ้วน ทั้งนี้เนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับต้องมีบทลงโทษ


3. พัฒนาการของการจัดการสารสนเทศแบ่งออกเป็นกี่ยุค อะไรบ้าง


การจัดการสารสนเทศเป็นสิ่งที่มนุษย์ได้กระทำมาเป็นระยะเวลายาวนาน นับแต่รู้จักคิดค้นการขีดเขียน บันทึกข้อมูล 

พัฒนาการของการจัดการสารสนเทศแบ่งอย่างกว้างๆได้เป็น 2 ยุค เป็นการจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือ และการจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์

3.1 การจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือ

การจัดการสารสนเทศเริ่มต้นเมื่อมีการสร้างอารยธรรมในด้านการบันทึกความรู้

ราว 2,000 - 8,000 ปีก่อนคริสตศักราช อียิปต์โบราณใช้กระดาษปาปิรัสเขียนบันทึกข้อมูล

หอสมุดอเล็กซานเดรีย (Library of Alexandria) สร้างโดยพระเจ้าปโทเลมีที่ 1 ในช่วง 285 ปีก่อนคริสตศักราช เป็นคลังความรู้ที่ยิ่งใหญที่สุดในโลกยุคโบราณ จัดเก็บกระดาษปาริรัสที่เขียนบันทึกวิชาการแขนงต่างๆ ถึง 7 แสนกว่าม้วนไว้ในกระบอกทรงกลม

และต่อมาในได้มีการใช้หนังสัตว์เย็บเป็นรูปเล่มหนังสือ เรียกว่าโคเด็กซ์ (codex) ในสมัยของเปอร์กามัม (Pergamum) แห่งกรีก ในช่วง 197-159 ปีก่อนคริสตศักราช

ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 เกิดสถาบันการศึกษาที่เป็นทางการ ห้องสมุดของสถาบันการศึกษา เช่นมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ยังคงจัดระบบหนังสือในลักษณะเดียวกับห้องสมุดวัด นอกจากจัดหนังสือตามสาขาวิชาแล้ว ยังจัดตามขนาด และเลขทะเบียนหนังสือ หนังสือที่สำคัญมากยังคงถูกล่ามโซ่อยู่กับโต๊ะ

ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 โยฮานน์ กูเต็นเบิร์ก (Johannes Gutenberg) ชาวเยอรมันคิดเครื่องพิมพ์ขึ้น พิมพ์หนังสือเล่มแรกของยุโรปคือ ไบเบิลในภาษาละติน เมื่อการพิมพ์แพร่ จึงมีการพิมพ์หนังสือ ทั้งตำรา สารคดีบันเทิงคดี พัฒนาเป็นวารสาร หนังสือพิมพ์ จุลสาร กลางศตวรรษที่ 15 กิจการพิมพ์หนังสือมีอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ทั่วยุโรป

คริสต์ศตวรรษที่ 16 กิจการการค้าหนังสือแพร่จากทวีปยุโรปสู่ทวีปอื่นทางเส้นทางการค้าและพัฒนาเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ส่งผลให้หนังสือจัดเป็นส่วนหนึ่งของชนทุกชั้น ลักษณะของหนังสือเปลี่ยนไป ขนาดเล็กลงใช้สะดวกขึ้น ไม่มีสื่อประเภทใดที่เป็นเครื่องมือค้นสื่อที่จัดเก็บและเผยแพร่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหนังสือเป็นระยะเวลายาวนาน (Feather 2002 : 24)

การจัดการสารสนเทศในระยะแรก สื่ออยู่ในรูปของสื่อสิ่งพิมพ์ การจัดการสารสนเทศเน้นระบบมือโดยรวบรวมรายชื่อหนังสือที่มีการผลิตและเผยแพร่ และเทคนิคในการจัดเก็บเอกสารระยะแรกเ เป็นการจัดเรียงตามขนาดของรูปเล่มหนังสือ ตามสีของปก ตามลำดับอักษรชื่อผู้แต่ง ชื่อเรื่องหนังสือ เลขทะเบียน ตามลำดับก่อนหลังของหนังสือที่ห้องสมุด หน่วยงานได้รับ และรวมทั้งการกำหนดสัญลักษณ์ขึ้นเป็นตัวเลขและ/หรือตัวอักษรเพื่อแทนเนื้อหาสาระของสิ่งพิมพ์ แสดงให้ทราบว่าจะค้นสื่อที่ต้องการจากที่ใด ฉบับใด หรือจากหน้าใดในการค้น มีการจัดทำบัญชีรายการหนังสือ เอกสาร เป็นเล่มเพื่อใช้ค้นและเป็นบัญชีคุมหนังสือและเอกสารด้วย

ต่อมายังมีการจัดทำเป็นแคตาล็อก (catalog) หรือบัตรรายการหนังสือ ในระยะแรกเป็นเพียงบัญชีรายชื่ออย่างหยาบๆ ต่อมามีรายละเอียดของหนังสือมากขึ้น และบอกเนื้อหาไว้ในบัญชีรายชื่อด้วย โดยมีการควบคุมบรรณานุกรม (bibliographic control) เป็นการรวบรวมจัดทำบรรณานุกรมหรือรายการทรัพยากรสารสนเทศ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือค้นหา ค้นคืนสื่อรูปแบบต่างๆ ทั้งหนังสือ สื่อบันทึกเสียง ภาพ และอื่นๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19

การจัดเก็บสารสนเทศ ยังมีพัฒนาการระบบการจัดหมวดหมู่ (classification scheme) ใน ค.ศ. 1876 มีการคิดระบบการจัดหมวดหมู่หนังสือระบบทศนิยมดิวอี้ (Dewey Decimal Classification – DDC) เป็นการวิเคราะห์เนื้อหาสารสนเทศเพื่อกำหนดเป็นหมวดหมู่ใหญ่ ย่อย ลดหลั่นจากเนื้อหากว้างๆ จนถึงเนื้อหาเฉพาะเพื่อให้สัญลักษณ์แทนเนื้อหาสารสนเทศเป็นตัวเลข และต่อมามีการพัฒนาการจัดหมวดหมู่โดยการใช้ตัวอักษรผสมตัวเลข หรือเครื่องหมายอื่นๆ แทนเนื้อหาของสารสนเทศ เป็นการจัดเก็บสิ่งพิมพ์อย่างเป็นระบบ และใช้เครื่องมือค้นจากแคตาล็อก

สำหรับการจัดการสารสนเทศในสำนักงาน ระบบดั้งเดิม ใช้ระบบมือ หรือกำลังคนเป็นหลัก การจัดการเอกสารซึ่งใช้กระดาษระยะแรกจัดเก็บตามการรับเข้า และส่งออกตามลำดับเวลา มีการจัดทำทะเบียนเอกสารรับเข้า - ส่งออกในสมุดรับ – ส่งและจัดทำบัญชีรายการเอกสารด้วยลายมือเป็นรูปเล่ม ต่อมาพัฒนาเป็นจัดเก็บเอกสารโต้ตอบเฉพาะเรื่องไว้ในแฟ้มเรื่องเดียวกันในตู้เก็บเอกสาร โดยพัฒนาเป็นหมวดหมู่ของระบบงานสารบรรณเอกสาร การจัดเก็บ อาจจัดเรียงตามลำดับอักษรชื่อหน่วยงาน ชื่อบุคคล ตามเนื้อหา ตัวเลข ตัวอักษรผสมตัวเลข ลำดับเวลา และตามรหัส และมีการทำดรรชนี กำหนดรหัสสี มีการทำบัตรโยงในตู้เก็บเอกสาร เป็นต้น เพื่อความสะดวกในการค้นหา มีการทำบัญชีรายการสำหรับค้นเอกสารสารบรรณ ที่ต่อมาใช้เครื่องพิมพ์ดีดแทนการเขียน

3.2 การจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์

การจัดการสารสนเทศเกิดขึ้นโดยใช้คอมพิวเตอร์ เมื่อสารสนเทศมีปริมาณมากมาย รูปลักษณ์หลากหลายคอมพิวเตอร์มีพัฒนาการของจากอดีตถึงปัจจุบัน ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

ในระยะแรก ตั้งแต่ ค.ศ. 1946 มีการประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยีหลอดสูญญากาศ ใช้ในงานค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ การสำรวจสำมะโนประชากร

ซึ่งต่อมา เครื่องคอมพิวเตอร์พัฒนามาใช้เทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ มีขนาดเล็กลง และนำมาใช้ในงานทางด้านคณิตศาสตร์และวิศวกรรม

ช่วงทศวรรษที่ 1960 คอมพิวเตอร์เริ่มใช้แผงวงจรรวมหรือไอซี และแผงวงจรรวมขนาดใหญ่ และนำมาใช้งานการสื่อสารข้อมูล และงานฐานข้อมูล เพื่อลดภาระงานประจำโดยทรัพยากรอยู่ในรูปของกระดาษ เห็นได้ว่าคอมพิวเตอร์ถูกพัฒนานำมาใช้งานตามสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น

ในระยะต่อมาเป็นการนำมาใช้พัฒนาเป็นระบบสารสนเทศในงานเฉพาะทางต่างๆ เช่น ระบบห้องสมุดมีการใช้คอมพิวเตอร์ในการทำบัตรรายการเป็นเครื่องมือช่วยค้นทรัพยากรสารสนเทศทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อโสตทัศนประเภทต่างๆ ระบบงานเอกสารสำนักงานปรับปรุงระบบการทำงานให้เป็นอัตโนมัติมากขึ้น ในช่วง ค.ศ.1970 จึงนำมาจัดเก็บข้อมูลซึ่งเป็นข้อมูลจากกระดาษ จัดเก็บในลักษณะแฟ้มข้อมูล ต่อมาได้เริ่มพัฒนาระบบจัดการฐานข้อมูล เพื่อเอื้อต่อการจัดการสารสนเทศได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และลดความซ้ำซ้อนขึ้น

พัฒนาการของคอมพิวเตอร์ในระยะหลังเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเพิ่มสมรรถนะขึ้นอย่างมากมายตามยุคต่างๆ ในยุคหลังๆ จึงใช้ในงานที่สามารถหาเหตุผลด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้งเลียนแบบวิธีคิดของมนุษย์

ช่วงค.ศ. 1980 เป็นต้นมาพัฒนาการคอมพิวเตอร์ก้าวหน้าขึ้น อาทิ ไมโครคอมพิวเตอร์แม้มีขนาดเล็กลงแต่มีสมรรถนะมากขึ้น มีการใช้คอมพิวเตอร์จัดการสารสนเทศในงานต่างๆ ทั้งการศึกษา การแพทย์ ธุรกิจ เป็นต้น โดยจัดทำระบบฐานข้อมูลช่วยงานด้านต่างๆทั้งการบริหาร การตัดสินใจที่ใช้ง่ายและดีกว่าเดิม ระบบสารสนเทศมุ่งตอบสนองทั้งความต้องการส่วนบุคคลของผู้ใช้ และการตอบสนองความต้องการในการทำงานตามหน้าที่ในองค์การมากขึ้น และเปลี่ยนจากเพิ่มประสิทธิผลไปสู่การใช้งานเชิงกลยุทธ์

การใช้คอมพิวเตอร์ในระยะตั้งแต่ ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา การพัฒนาระบบเครือข่ายโดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูล และการใช้อินเทอร์เน็ต ทำให้การจัดการระบบฐานข้อมูลผ่านระบบออนไลน์อย่างกว้างขวาง ขยายการทำงาน การบริการ การค้า ธุรกิจ การคมนาคม การแพทย์ เป็นต้น กระทำได้อย่างกว้างขวางในลักษณะเครือข่ายความร่วมมือใช้สารสนเทศร่วมกัน สื่อสารสารสนเทศทั้งตัวอักษร ภาพ เสียงเพื่อการดำเนินงานระหว่างองค์การของทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน


4. จงยกตัวอย่างการจัดการสารสนเทศที่นิสิตใช้ในชีวิตประจำวันมา อย่างน้อย 3 ตัวอย่าง


การจัดเก็บข้อมูลที่ใช้ในการเรียน การทำงาน หรืออาชีพ ลงใน flash drive หรือ portable harddisk หรือลงในคอมพิวเตอร์ของตนเอง โดยแบ่งเป็นโฟลเดอร์ต่างๆที่เหมาะสม

การจัดเก็บข้อมูลที่ใช้ส่วนตัว เช่น ความบันเทิง (เพลง ภาพยนตร์ เกมส์) เป็นต้น ลงใน portable harddisk หรือลงในคอมพิวเตอร์ของตนเอง โดยแบ่งเป็นโฟลเดอร์ต่างๆที่เหมาะสม

การจัดการเงินในการใช้จ่าย เช่น ซื้ออาหารหรือข้าวของเครื่องใช้ในแต่ละวัน อาจใช้การทำบัญชีรายรับรายจ่าย ในการบันทึกข้อมูล

การจัดการเงินเก็บออม โดยฝากเงินเป็นประจำ และใช้ระบบปรับยอดเงินในบัญชีลงในสมุดอัตโนมัติ ในการบันทึกข้อมูลการฝากเงินและยอดเงินรวมในบัญชี ลงในสมุดบัญชีธนาคารของบัญชีนั้นๆ

การจัดการเวลาในแต่ละวัน โดยจะมีตารางเรียนในระบบของเว็บไซต์ลงทะเบียนเรียน หรืออาจจัดทำตารางเวลา และบันทึกข้อมูลลงไปเพิ่มเติม



.
Public domain This work has been released into the public domain by its author,  nmd dot kim (not dot com, but dot kim). This applies worldwide.
In some countries this may not be legally possible; if so:  nmd dot kim (not dot com, but dot kim) grants anyone the right to use this work for any purpose, without any conditions, unless such conditions are required by law.
Kopimi k.svg This work is labeled as Kopimi, meaning that the copyright holder of this work specifically requests that this work be used and copied for any purpose, including unlimited commercial use and redistribution. It is believed in good faith that a work classified as Kopimi is free to use in any way, including modification and the creation of derivative works.

English | فارسی | français | മലയാളം | português | slovenščina | svenska | 中文(简体)‎ | +/−
.

02 April 2013

แบบฝึกหัด บทที่ 2 บทบาทสารสนเทศกับสังคม

Public domain This work has been released into the public domain by its author,  nmd dot kim (not dot com, but dot kim). This applies worldwide.
In some countries this may not be legally possible; if so:  nmd dot kim (not dot com, but dot kim) grants anyone the right to use this work for any purpose, without any conditions, unless such conditions are required by law.
Kopimi k.svg This work is labeled as Kopimi, meaning that the copyright holder of this work specifically requests that this work be used and copied for any purpose, including unlimited commercial use and redistribution. It is believed in good faith that a work classified as Kopimi is free to use in any way, including modification and the creation of derivative works.

English | فارسی | français | മലയാളം | português | slovenščina | svenska | 中文(简体)‎ | +/−
.
 
แบบฝึกหัด

บทที่ 2 บทบาทสารสนเทศกับสังคม

รายวิชา การจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026008

กลุ่มเรียนที่ 1

ชื่อ-สกุล นายxxxx xxxxxx 540112xxxxx (2 xxx) ระบบ ปกติ

คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้

1. ให้นิสิตหารายชื่อเว็บไซต์หรือเทคโนโลยีที่ให้บริการต่างๆตามหัวข้อเหล่านี้ มาอย่างละ 3 รายการ

1.1 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาการศึกษา

http://www.dlf.ac.th มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม

http://www.vcharkarn.com วิชาการ.คอม

http://www.thaigoodview.com ไทยกู๊ดวิวดอทคอม

1.2 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจ พาณิชย์ และสำนักงาน

http://www.moc.go.th กระทรวงพานิชย์

http://www.goonline.in.th ธุรกิจไทย Go Online บริหารจัดการโดย Google

(Google สำนักงานส่งเสริมรัฐวิสาหกิจขนาดย่อม สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย เว็บบิซ และดอทอะไร ได้ร่วมมือกันเพื่อสนับสนุนให้ทุกธุรกิจไทย GO ONLINE กับภารกิจเพื่อช่วยให้ธุรกิจไทยได้รับประโยชน์จากโอกาสทางอินเทอร์เน็ต จะทำให้ธุรกิจไทยเติบโตและประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์)

http://www.tarad.com เป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (ร้านค้าออนไลน์ หรือร้านขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต) ของบริษัท ตลาด ดอท คอม จำกัด ปัจจุบันเป็นบริษัทหนึ่งในเครือบริษัท ราคุเท็น ของญี่ปุ่น

1.3 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่อสารมวลชน 

http://www.manager.co.th

http://www.thaitv3.com

http://www.seedmcot.com วิทยุคลื่น Seed MCOT 97.5 FM

1.4 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางอุตสาหกรรม

http://www.industry.go.th กระทรวงอุตสาหกรรม

http://www.thairung.co.th บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน)   เป็นบริษัทไทยบริษัทหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมรถยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์ และดัดแปลงรถยนต์

http://www.carryboy.com เว็บไซต์ของบริษัท ที.เค.ดี.ไฟเบอร์ จำกัด หรือ แครี่บอย เป็นบริษัทไทยบริษัทหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมรถยนต์ ผู้ผลิตหลังคาไฟเบอร์กลาส, รถดัดแปลงพิเศษ, ฝาครอบกระบะ และชุดตกแต่งยานยนต์

1.5 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์

http://www.dmsc.moph.go.th กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

http://www.niems.go.th สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)

http://www.worldcommunitygrid.org โครงการ World Community Grid เป็นโครงการสร้างระบบ Grid Computing ที่ใหญ่ที่สุดระบบหนึ่งในโลก อาสาสมัครที่เข้าร่วมในระบบจะได้มีส่วนร่วมในการช่วยประมวลผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้คอมพิวเตอร์ของตนเองได้

งานวิจัยในโครงการ WCG นี้ ส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยทางการแพทย์ ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์
 
1.6 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทหารตำรวจ

http://www.rtsd.mi.th กรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย

http://www.navy.mi.th กองทัพเรือ

http://www.rtaf.mi.th กองทัพอากาศ

1.7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม

http://www.coe.or.th เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสภาวิศวกร ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบอนุญาติ พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต รวมทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับกฏหมายและจรรยาบรรณ

http://www.tumcivil.com
 
http://www.thaiengineering.com

1.8 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพด้านเกษตรกรรม

http://www.doae.go.th กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

http://www.bangsaiagro.com บริษัทศูนย์เกษตรกรรมบางไทร จำกัด

http://www.thaigreenagro.com บริษัทไทยกรีนอะโกร จำกัด ในนามของชมรมเกษตรปลอดสารพิษ

1.9 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนพิการต่างๆ

http://www.nep.go.th สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ (พก.)

http://www.braille-cet.in.th ศูนย์สื่อการศึกษาเพื่อคนพิการ (ส่วนสื่อการศึกษาเพื่อคนพิการ ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา สำนักงาน กศน. กระทรวงศึกษาธิการ)

http://www.tddf.or.th/ มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย (มพพท.)


2. มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาให้กับท่าน มีอะไรบ้าง บอกมาอย่างน้อย 3 อย่าง

ระบบอินเทอร์เน็ตในมหาวิทยาลัย ใช้เพื่อการเรียนรู้ผ่านอินเทอร์เน็ต

ระบบการลงทะเบียนผ่านอินเทอร์เน็ต http://reg.msu.ac.th

ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในห้องสมุด เช่น ระบบการค้นหาหนังสือ Web OPAC ระบบการยืมคืนหนังสือ ระบบการชมวีดิทัศน์ (วิดีโอ) สารคดี ในรูปแบบวีซีดีหรือดีวีดี เป็นต้น

ระบบการสอบแบบ E-Testing ในบางรายวิชา

ระบบการประกาศคะแนนและเกรด ผ่านอินเทอร์เน็ต http://reg.msu.ac.th

เป็นต้น

3. จากข้อ 2 จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเอาเทคโนโลยีเหล่านั้น มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างไรบ้าง

สามารถลงทะเบียนเรียน ตรวจสอบข้อมูลการศึกษา ดูผลคะแนนและเกรดผ่านอินเทอร์เน็ต ได้จาก http://reg.msu.ac.th

สามารถติดตามข่าวสารจากทางมหาวิทยาลัย และดูรายละเอียดต่างๆในหลักสูตรได้จาก http://www.msu.ac.th และ http://reg.msu.ac.th

สามารถค้นหาหนังสือหรือวีดิทัศน์ (วิดีโอ) สารคดี ในห้องสมุด ผ่านระบบ Web OPAC

สามารถค้นคว้าหาความรู้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตในมหาวิทยาลัย

เป็นต้น

.
Public domain This work has been released into the public domain by its author,  nmd dot kim (not dot com, but dot kim). This applies worldwide.
In some countries this may not be legally possible; if so:  nmd dot kim (not dot com, but dot kim) grants anyone the right to use this work for any purpose, without any conditions, unless such conditions are required by law.
Kopimi k.svg This work is labeled as Kopimi, meaning that the copyright holder of this work specifically requests that this work be used and copied for any purpose, including unlimited commercial use and redistribution. It is believed in good faith that a work classified as Kopimi is free to use in any way, including modification and the creation of derivative works.

English | فارسی | français | മലയാളം | português | slovenščina | svenska | 中文(简体)‎ | +/−
.